คำถามที่คุณพ่อคุณแม่หลายๆคนมักจะถามผู้เชี่ยวชาญอยู่บ่อยครั้ง เรื่องฝึกทักษะการว่ายน้ำให้กับลูก ควรเริ่มเมื่อไหร่ดี เพราะเห็นคุณพ่อคุณแม่ชาวต่างชาติฝึกลูกให้ว่ายน้ำตั้งแต่แรกเกิด และเด็กก็สามารถว่ายได้จริงๆ แต่คุณพ่อตุณแม่ก็มักจะเกิดความลังเลเพราะกลัวอันตราย ควรให้ลูกฝึกเรียนว่ายน้ำตั้งแต่เเรกเกิดดีหรือไม่อย่างไร ?Mamaexpert มีคำแนะนำดังนี้
สมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกามีคำแนะนำกับคุณพ่อคุณแม่ในเรื่องช่วงอายุที่เหมาะสมในการฝึกเรียนว่ายน้ำว่า ช่วงวัยที่เหมาะสมที่สุดในการฝึกว่ายน้ำคือ 1 ปีขึ้นไป เพราะ …
  1. เด็กอายุน้อยกว่า 1 ปีพัฒนาการทางด้านภาษายังไม่สมบูรณ์ ไม่เข้าใจคำสั่ง หรือการสื่อสารจากครูฝึก
  2. พัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวของเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ยังไม่สมบูรณ์เเข็งแรง ความคล่องตัวน้อยกว่าเด็กอายุ 1 ปี ขึ้นไป
  3. เด็กอายุน้อย มีโอกาสติดเชื้อมากกว่าเด็กโต เนื่องจากภูมิต้านทานโรคยังต่ำมาก และได้รับวัคซีนที่สำคัญๆ ยังไม่ครบโดส
  4. การฝึกกลั้นหายใจ การกลืน ยังไม่สมบูรณ์ จึงเสี่ยงต่อการสำลักน้ำมากกว่า เด็กโต การสำลักน้ำอันตราย และยังเสี่ยงต่อการกลืนเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายด้วย
  5. เส้นผมและผิวหนังของลูกอาจถูกทำลายมากเกินกว่าจะรับได้ เนื่องจากสารคลอรีนและแสงแดดที่มากระทบกับผิว คุณพ่อคุณแม่ต้องเลือกใช้ชุดว่ายน้ำที่ได้มาตฐาน ครีมกันแดดประสิทธิภาพดีมีคุณสมบัติกันน้ำได้
  6. ( waterproof) ด้วยถึงจะเพียงพอ
  7. ช่วงเวลาที่ควรหลึกเลี่ยง 10 – 16 น.  เพราะช่วงวลาดังกล่าวมีโอกาสได้รับแสงสะท้อนจากน้ำมากเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวไหม้ มีการสูญเสียน้ำออกจากร่างกายมากขึ้น (เลือกสถานที่ในร่มจะดีกว่าสำหรับเด็ก )
  8. ถ้าลูกผมยาวต้องมัดผมให้เรียบร้อยแล้วใส่หมวก จะช่วยป้องกันผมเสียจากแสงแดด และหมวกจะช่วยกันไม่ให้ผมยุ่งพันกันมากเวลาอยู่ในน้ำ
  9. เด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือนไม่ควรใช้ครีมกันแดด สำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปควรเลือกใช้ครีมกันเเดดชนิดสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เช่น สาร titanium dioxide หรือ zinc oxide ไม่ใช้สาร PABA เพราะระคายเคืองและทำให้แพ้ได้ มีค่า SPF สูงกว่า 15 ให้ทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 1 ชม. ทาซ้ำทุก 2 ชม.หรือบ่อยกว่าในกรณีที่เล่นน้ำ ไม่ควรใช้แบบเจล เพราะมีอัลกอฮอล์ผสม ทำให้ผิวแห้ง ควรทดลองทาบริเวณข้อมือหรือต้นแขนด้านใน ดูอาการภายใน 24 ชม. หากมีผื่นแดง แสดงว่าแพ้ ไม่ควรใช้

คำแนะนำหากคุณจำเป็นต้องพาลูกอายุน้อยกว่า 1 ปี ฝึกเรียนว่ายน้ำ

  1. ไม่ควรพาลูกเล่นน้ำช่วงเวลา 10 – 16 น.เพราะแสงสะท้อนจากแดดรุนแรงมากกว่าทุกช่วงเวลา และเด็กวัยนี้ยังใช้ครีมกันแดดไม่ได้ เสี่ยงต่อผิวไหม้รุนแรง
  2. หากลูกของคุณมีปัญหาผิวแห้งอยู่แล้ว ควรทาโลชั่นบำรุงผิวเป็นประจำเพราะการเล่นน้ำหรืออาบน้ำบ่อยจะทำให้สูญเสียน้ำมันธรรมชาติจากผิวหนังทำให้ผิวแห้งมากขึ้น อาจเกิดการระคายเคืองจากผิวหนังแห้งแตก คันและเป้นผื่นตามมาได้
  3. เด็กอายุน้อยว่า 6 เดือน ยังไม่ควรลงสระคลอรีนไม่ได้เพราะระคายเคืองผิว และ แสบตา ให้ลงสระน้ำเกลือ หรือ สระโอโซน
  4. หากมีปัญหาผิวหนังเป็นผื่นแดงจากแพ้สารคลอรีน ให้ใช้วาสลีนหรือปิโตรเลียมเจลทาเคลือบผิวก่อนลงน้ำ
  5. ครั้งแรกที่พาลูกลงสระไม่ควรเกิน 10 นาที
  6. อุณหภูมิเหมาะสมสำหรับเด็กควรอยู่ระหว่าง  30 – 34 องศาเซลเซียส
  7. คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรละสายตาจากลูกแม่แต่วินาทีเดียว

ควรเลือกสระว่ายน้ำแบบไหนปลอดภัยต่อลูก 

1.สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ เป็นระบบควบคุมความสะอาดของน้ำด้วยระบบเกลือ  โดยใช้เครื่องผลิตคลอรีนอัตโนมัติจากเกลือ (Salt Water Chlorinator) ระบบนี้จะใช้เกลือธรรมชาติ ในการฆ่าเชื้อโรคแทนคลอรีน โดยอาศัยวิธีทางไฟฟ้า ที่เรียกว่า Electrolysis  เกิดเป็นโซเดียมไฮโปคลอไรท์ และเกลือ NaCl กลับคืนมา เหมาะสำหรับเด็กเล็ก
2.สระว่ายน้ำระบบโอโซน เป็นระบบที่นำเอาก๊าซ โอโซน ซึ่งผลิตจากเครื่องอัดอากาศ มาบำบัดน้ำในสระ  มีประสิทธิภาพสูง สามารถฆ่าเชื้อโรคในระยะเวลาอันสั้นกว่าระบบอื่นและไม่มีสารเคมีทุกชนิดตกค้างในน้ำ เหมาะสำหรับเด็กเล็ก
3.สระว่ายน้ำระบบคลอรีน เป็นระบบฆ่าเชื้อโรคที่มีราคาถูก และนิยมใช้กันมากที่สุด คลอรีนที่ใช้อยู่ในรูปของเหลว เม็ด และผงคลอรีน โดยคลอรีนจะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้เมื่อน้ำมีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH)  อยู่ระหว่าง 7.2 – 7.8  เนื่องจากสารคลอรีนอาจมีผลทำให้เกิดการระคายเคืองกับผิวหนัง  ดังนั้นการละลายคลอรีนจึงควรทำในช่วงเย็นหลังจากที่ใช้สระเสร็จแล้ว  และต้องเปิดเครื่องกรองทิ้งไว้อย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง การปรับค่าคลอรีนในสระว่ายน้ำที่ให้บริการ  ให้ทำทุกวัน โดยมีค่าปริมาณคลอรีนอยู่ที่ 3 ppm ในฤดูร้อน เพราะอากาศร้อนคลอรีนจะสลายตัวเร็ว และ 2 ppm ในฤดูฝน และฤดูหนาว เหมาะกับเด็กโตขึ้นไป
ไม่ว่าลูกคุณจะอยู่ในช่วงอายุเท่าไหร่ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เลือกสระที่ได้มาตรฐานความสะอาด เพราะลูกอาจกลืนน้ำเข้าไปโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หากสระไม่ได้มาตรฐานความสะอาด เมื่อมีผู้แพร่เชื้อลงไปใช้สรน้ำนั้น ทำให้เชื้อโรคที่ออกมาทางน้ำมูก น้ำลายไม่ถูกทำลายโดยคลอรีนที่มีน้อยเกินไป อาจทำให้ลูกรักของเราติดเชื้อเกิดเป็นโรคติดต่อได้ เช่น หวัด ตาแดง อาเจียนหรือท้องร่วง ในทางตรงกันข้ามหากใส่คลอรีนมากเกินไปอาจมีปัญหาตาอักเสบหรือผิวหนังอักเสบจากสารเคมีได้ และต้องมีผู้มีความรู้จริงที่สามารถช่วยชีวิตกรณีเด็กจมน้ำ อยู่ประจำสระตลอดเวลาที่มีการเรียนว่ายน้ำ
Share To:
Magpress

MagPress

Vestibulum bibendum felis sit amet dolor auctor molestie. In dignissim eget nibh id dapibus. Fusce et suscipit orci. Aliquam sit amet urna lorem. Duis eu imperdiet nunc, non imperdiet libero.

Post A Comment:

0 comments so far,add yours